ตำนานวัลคีรี

ตำนานวัลคีรี เทพธิดาผู้นำทางนักรบผู้กล้า

ตำนานวัลคีรี (Valkyrie) คือชื่อเรียกกลุ่มเทพธิดาผู้เป็นข้ารับใช้ของโอดินตามตำนานนอร์ส เรื่องเล่าขาน ตำนาน และปกรณัมของพวกเธอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป็นแรงบันดาลใจให้กับวรรณกรรมทั้งยุคเก่าและใหม่มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องราวของ 13 พี่น้องวัลคีรีผู้เลือกอยู่เคียงข้างมนุษย์จาก ‘Record of Ragnarok’ หรือ ‘มหาศึกคนชนเทพ’ อนิเมะสัญชาติญี่ปุ่นที่ซีซัน 2 กำลังออนแอร์ทาง Netflix

‘Record of Ragnarok’ กล่าวถึงช่วงเวลาที่มนุษย์ต้องถูกพิพากษา เพราะการใช้ชีวิตอย่างอวดดีจนลืมเลือนเหล่าทวยเทพและความเชื่อดั้งเดิม ในการชุมนุมของเหล่าเทพจากตำนานทั่วโลก พวกเขาเลือกให้ทำลายล้างมนุษย์ให้สิ้นไป แต่แล้วกลับมีเทพธิดาองค์หนึ่งกล้าออกมาคัดค้านคำพิพากษานั้น พร้อมเสนอให้ใช้กฎ Ragnarok มาตัดสินชะตากรรมของมนุษย์แทนการล้างบางแบบไร้ทางสู้ เธอก็คือ บรุนฮิลด์ วัลคีรีผู้เลือกอยู่เคียงข้างมนุษย์นั่นเอง

ตำนานวัลคีรี เทพธิดาแห่งสงคราม ผู้ชี้ทางนักรบสู่ดินแดนวัลฮัลลา

ตำนานนอร์สกล่าวว่า วัลคีรีคือกลุ่มเทพธิดาผู้เป็นข้ารับใช้ของโอดิน มีหน้าที่คัดเลือกวิญญาณของนักรบผู้กล้าที่ตายในสงครามเพื่อชี้ทางและนำพาพวกเขาไปสู่วัลฮัลลา ดินแดนหลังความตายของเหล่านักรบ ที่ซึ่งเชื่อกันว่าคือดินแดนแห่งเกียรติยศสูงสุด เพราะวัลฮัลลาคือท้องพระโรงของโอดิน วิญญาณของเหล่านักรบจะได้ร่วมสงครามอันดุเดือดช่วงตอนกลางวัน และร่วมกินดื่มสังสรรค์กันในตอนกลางคืน ท้ายที่สุดพวกเขาจะเข้าร่วมการต่อสู้เคียงข้างโอดินเมื่อถึงสงครามวันสิ้นโลกหรือ Ragnarok

วัลคีรีเป็นชื่อเรียกนักรบหญิง พวกเธอบินลงมาจากฟากฟ้าบนหลังม้าศึก สวมชุดขนหงส์ที่ทำให้บินได้ นอกจากนี้ยังสวมเกราะโซ่ถักยาวถึงเข่าและสวมหมวกเกราะเช่นเดียวกับนักรบผู้ชาย แต่ละตนถือหอกที่เปล่งแสงเจิดจ้า บ้างก็ว่าเป็นหอกเปื้อนเลือดซึ่งเป็นอาวุธที่โอดินโปรดปราน

เมื่อปรากฎตัวเหนือสนามรบ พวกเธอจะบินว่อนทั่วท้องฟ้า เปล่งเสียงในลำคอที่ทั้งข่มขวัญและสร้างความสยดสยองให้กับเหล่านักรบ เนื่องจากมีหน้าที่นำพาดวงวิญญาณที่ตายในสนามรบไปสู่วัลฮัลลา บางตำนานจึงเล่าว่าบางครั้งพวกเธอก็ปรากฎตัวในรูปลักษ์ของอีกาหรือนกแร้งซึ่งเป็นสัตว์ที่สื่อถึงความตายและซากศพ

นอกจากหน้าที่ในการนำพาดวงวิญญาณสู่วัลฮัลลาแล้ว พวกเธอยังทำหน้าที่เป็นข้ารับใช้ในท้องพระโรงให้กับมหาเทพ โดยตำนานกล่าวว่าเหล่าวัลคีรีมีหน้าที่รินเหล้าให้แก่โอดิน รวมถึงกองทัพหนึ่งบุรุษ (the Einherjar) หรือบรรดานักรบที่ถูกพามายังวัลฮัลลาด้วย

แม้เหล่าวัลคีรีจะเป็นที่จดจำในฐานะข้ารับใช้ของโอดิน แต่บางตำนานก็กล่าวว่าพวกเธอรับใช้เทพองค์อื่นด้วยเช่นกัน นั่นคือเทพีเฟรย่าซึ่งเป็นเทพีแห่งเวทมนตร์และความงาม เพราะมีบางตำนานเชื่อว่านอกจากโอดิน ก็มีเฟรย่านี่แหละที่ทำหน้าที่นำทางดวงวิญญาณนักรบไปสู่วัลฮัลลา หากอ้างอิงตามตำนานนี้หลายคนก็มองว่าเฟรย่าอาจเป็นผู้นำของเหล่าวัลคีรีก็เป็นได้ เพราะเธอจะเลือกนักรบที่แกร่งที่สุดครึ่งหนึ่งมาเป็นกองกำลังของตัวเอง ส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปยังวัลฮัลลา

อย่างไรก็ตามนักวิชาการหลายคนเชื่อว่าเรื่องราวของวัลคีรีเป็นแค่ส่วนเสริมเติมแต่งในตำนานนอร์ส และเป็นผลพวงมาจากความคิดสร้างสรรค์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านบทกวี นอกจากนี้ยังเชื่อว่าแรกเริ่มเดิมทีแล้ววัลคีรีมีภาพลักษณ์เป็นหญิงสาวที่ดูแข็งแกร่งน่าเกรงขามมากกว่าเป็นเทพธิดาที่สง่างาม บ้างก็เชื่อว่ารูปลักษณ์ดั้งเดิมของพวกเธอใกล้เคียงปีศาจมากกว่าด้วยซ้ำ

แถมช่วงแรกแนวคิดเกี่ยวกับวัลคีรีจะเป็นไปในด้านลบมากกว่า ทั้งการปรากฎตัวในร่างอีกาซึ่งสะท้อนถึงความโหดร้ายของสงครามและซากศพที่ถูกทิ้งหลังการรบ รวมถึงการนำดวงวิญญาณไปสู่อเวจีนิรันดร์ ไม่ใช่สรวงสวรรค์อย่างวัลฮัลลา แต่แล้วแนวคิดเกี่ยวกับวัลคีรีก็เปลี่ยนไปในด้านบวกมากขึ้น จนกลายเป็นเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับวัลคีรีที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน

บรุนฮิลด์ วัลคีรี ที่มีชื่อเสียงตำนานวัลคีรีมากที่สุด

ในบรรดาเรื่องเล่าเกี่ยวกับวัลคีรี หากจะพูดถึงวัลคีรีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็ต้องเป็น บรุนด์ฮิล เรื่องราวของเธอถูกบันทึกเอาไว้มากมายในตำนานโวลซุงกา (Volsunga) ซึ่งเป็นตำนานนอร์สดั้งเดิม ตำนานเล่าถึงเทพธิดาตนนี้เอาไว้ว่านางได้ทำให้มหาเทพพิโรธเพียงเพราะเลือกคำตอบฝ่ายที่จะชนะสงครามไม่ถูกใจโอดิน พระองค์จึงลงโทษด้วยการให้นางแต่งงานกับมนุษย์

สำหรับเทพธิดาแล้วการแต่งงานกับมนุษย์ถือเป็นการหยามเกียรติอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังเป็นบทลงโทษที่หนักหนาสำหรับบรุนด์ฮิลผู้รักอิสระ แต่บรุนด์ฮิลก็ยอมรับการลงโทษจากโอดิน เพียงแต่มีข้อแม้ว่าเธอจะแต่งงานกับชายที่กล้าหาญที่สุดเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงขังตัวเองอยู่ในหุบเขาที่รายล้อมด้วยวงแหวนไฟและหลับใหลไปเพื่อเฝ้ารอชายผู้กล้าหาญมารับตัวเธอ

วันหนึ่ง ซีเกิร์ด (Sigurd) นักรบผู้สังหารมังกร ฟาฟเนียร์ (Fafnir) ได้ฝ่าวงแหวนไฟมาเจอเธอเข้าและปลุกเธอจากการหลับใหล เรื่องราวไม่ได้จบลงแบบมีความสุข เพราะซีเกิร์ดคิดว่าตัวเขายังมีการผจญภัยอีกหลายอย่างรออยู่ จึงทิ้งเธอไว้ที่นั่นและสัญญาว่าจะมารับตัวเธอไป บรุนด์ฮิลเองก็บอกว่าจะรอเขากลับมา

แต่ระหว่างการเดินทางซีเกิร์ดถูกสาปให้ความจำเสื่อม เขาลืมเรื่องราวเกี่ยวกับบรุนด์ฮิลทั้งหมด แถมยังไปแต่งงานกับหญิงอื่นนามว่า กุดรุน (Gudrun – บางตำนานเชื่อว่านางก็คือวัลคีรีเช่นกัน) เรื่องราวยิ่งยุ่งเหยิงเมื่อซีเกิร์ดได้กลับไปยังวงแหวนแห่งไฟอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาใช้เวทมนตร์ปลอมเป็นกุนนาร์ (Gunnar) เพื่อนของตัวเองที่ขี้ขลาดเกินจะฝ่าวงแหวนไฟเข้ามาแต่ก็ต้องการตัวบรุนด์ฮิล

แม้จะยังรักซีเกิร์ดแต่เธอก็ต้องแต่งงานกับกุนนาร์ตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงตามเขากลับไปเพื่อเข้าพิธีแต่งงาน ระหว่างนั้นซีเกิร์ดกับกุนนาร์ก็ทำการสลับใบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไป ท้ายที่สุดแล้วบรุนด์ฮิลก็รู้ความจริง เธอวางแผนแก้แค้นด้วยการให้กุนนาร์ไปลอบสังหารซีเกิร์ดจนตาย แต่ด้วยความรักที่ยังมีให้ซีเกิร์ด บรุนด์ฮิลเองก็หัวใจสลาย ความดาร์กยังไม่จบแค่นั้นเพราะต่อมาบรุนด์ฮิลได้ฆ่าลูกชายของซีเกิร์ดแล้วจึงฆ่าตัวตายตามคนที่เธอรักไป

แม้เรื่องเล่าเกี่ยวกับบรุนด์ฮิลจะมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็เป็นเรื่องราวของความรักที่ไม่สมหวัง การแก้แค้น รวมถึงฉากจบแบบโศกนาฏกรรมสุดสะเทือนใจจนทำให้เรื่องของวัลคีรีตนนี้โด่งดังและมีชื่อเสียงมากกว่าวัลคีรีตนอื่น ๆ

เครดิตเว็บไซต์ : ufarich777

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : omoide-randoseru